พอลองเล่น #รีวิวครึ่งปีที่ผ่านมา ใน instagram ดู พบว่ามีข้อหนึ่งที่ถามว่า
“รีวิวการเติบโตในครึ่งปีที่ผ่านมา” แล้วก็คิดว่า เออเราไม่ได้เขียนรีวิวชีวิตมาหลายปีละ ไหนๆก็ไหนๆ เขียนเก็บเอาไว้สักหน่อย
1. สอนคอร์ส Python for data manipulation ที่คณะสัตวแพทย์ เกษตร
เปิดปีมาก็ได้ไปสอนเลย รอบนี้ได้ไปสอนเพราะเพื่อนที่เรียนสัตวแพทย์อยู่กำลังเขียน R ในการทำงานวิจัย คุยกันไปๆมาๆ ทางคณะก็ชวนไปสอนด้วยความอยากรู้ว่า Python เป็นยังไง
รอบนี้เลยได้สอนทั้งนักเรียนและอาจารย์ เป็นการสอนที่ตื่นเต้นมาก ตอนแรกก็เกร็งๆเพราะต้องสอนอาจารย์ด้วย และก็พบว่าครั้งนี้ปลุก ไฟ passion การสอน ขึ้นมาจริงๆ เพราะได้สอนคนที่ non-coding จาก field อื่นๆมา ทำให้เขาว้าวและทำให้ชีวิตในการทำงานวิจัยเขาง่ายขึ้น ☺
รู้สึกว่าได้ทำชีวิตตัวเองให้มีคุณค่าจริงๆ

2. ไปงานคอนเสิร์ต EDM ครั้งแรกที่ MAYA Music Festival
ได้มาสัมผัสสิ่งที่เรียกว่า ‘เทศกาลดนตรี’ จริงๆ ซึ่งมันไม่เหมือนการเข้าไปดูคอนเสิร์ตศิลปินในเมืองทองหรือ Central World มันเป็นทั้ง vibes, arts, fun ที่สุดๆมาก
คอนเสิร์ตวันแรกเป็นอะไรที่สุดๆมาก ยืนติ่งตั้งแต่หน้าเวทีตอนสักทุ่มยันเวทีนั้นเลิก แล้วก็เดินไปเต้นตัวโยกที่เวที EDM เหนื่อยแต่สนุกมากๆ
ทั้งนี้ก็ยังได้รู้จัก DJ ต่างๆ ที่ไม่เคยตามมาก่อน แต่เพื่อนที่ไปเบิกเนตรให้ฟัง แล้วก็กลายเป็นเพื่อนที่ส่งเพลงหากันเรื่อยมา
แถมได้เจอ LANY กับ Kodaline เป็นรอบที่ 2

3. อัพสกิล Software Engineer
พอจัดการเรื่องการเรียนเสร็จก็หวนคืนสกิล Software engineer อีกครั้ง ที่ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองยังถนัดแค่ Backend development อย่างเดียว จนคราวนี้มาได้ทำงาน Full stack ที่จัดการเอง, ตี scope, design เองทั้งหมดจริงๆ ใช้ทั้ง Javascript, express.js, แล้วค่อยๆลามไป React.js เรื่อยๆ
มันเหมือนได้ก้าวข้ามสิ่งที่รู้สึกว่ายังไม่ได้ทำ มันเป็นอะไรที่แฮปปี้มากๆ
มีงานหนึ่งที่ได้ช่วยพี่สาวสร้างโปรแกรมที่ทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นอีกด้วย

4. สอบติดมหาลัย
ความตั้งใจเพื่อจะเรียนเมกาเพื่อที่ว่าอยากลองใช้ชีวิตอยู่ในเมกาดูจริงๆ บวกกับอยากอัพเกรดการศึกษาของตัวเอง วิธีที่ตอบโจทย์ที่สุดคือการเรียนโทที่อเมริกา เพราะที่ผ่านมา เคยลองใช้ชีวิตอยู่ 3 เดือน ก็ยังไม่พอ หรือไปเที่ยว 2 สัปดาห์ ก็ยังรู้สึกไม่พอ มันเคยเป็นฝันที่ไม่กล้าฝัน จนกระทั่งทบทวนตัวเองในการทำงานปีที่ 3 ดู
ฉันจะไม่หยุดท่องเที่ยวแค่นี้
และก็อ่านหนังสือสอบ จนสอบติดจริงๆ (น้ำตาจะไหล)
แต่ผลสุดท้ายก็ defer โอกาสนี้ไป เพราะมองว่าการเรียนต่อในสถานการณ์ covid-19 มันไม่ตอบโจทย์ความฝันนี้
โควิดบอกว่ายังก่อน งั้นไม่เป็นไร จะอยู่ที่นี่อัพสกิลให้สุดๆไปเล้ย ยังมีอีกหลายโปรเจคที่ยังรอทำอยู่
5. ยอมรับการจากลา และต้อนรับสิ่งใหม่
เป็นปีที่ได้ร้องไห้ข้ามวันข้ามคืนที่แท้จริง เพราะหมาที่บ้านอายุ 13 ปีตายลง เป็นการยอมรับความตายที่รู้ว่ามันจะมาถึง แต่ก็ยังทำใจไม่ได้
แรกๆทำใจลำบากมาก จนค่อยๆดีขึ้นทุกๆวัน (ถ้าถามถึงก็ยังน้ำตาซึมหน่อยๆ)
ในขณะเดียวกันก็ได้รับเจ้าตัวใหม่เข้ามา เป็นพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เหมือนกัน ชื่อว่าดันเต้ และอีกไม่กี่เดือนก็ได้เจ้าบีเกิ้ล ชื่อว่า จาร์ฟา มา ซึ่งการได้ทั้งสองตัวมาเหมือนเป็นโชคชะตาที่เกิดขึ้นจริงๆ
เป็นโชคชะตาในการพบเจอและโชคชะตาของคนเลี้ยง…
หลังจากที่ได้เลี้ยงหมามีอายุมาตลอด ก็เหมือนได้เรียนรู้การเลี้ยงลูกหมาใหม่ทั้งหมด ชนิดที่ว่าสามารถเขียนเรื่องนี้ได้อีก 1–2 บทความ

6. ดูแลตัวเองแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จากสถานการณ์ Covid-19 อีกครั้ง มีหลายสถานที่ต้องปิดตัวในช่วงแรก รวมถึงคลินิคความงาม
ตอนนั้นเป็นสิวฮอร์โมน แล้วก็เครียดมาก จะทำยังไงดี เลยเลือกไปรักษาที่ร.พ.แทน แล้วก็เบิกเนตรการดูแลผิวอีกขั้นที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
กลายเป็นว่าเรามีความรู้ในการใช้สกินแคร์ และรู้จักผิวของเรามากขึ้น
ในตอนนั้นนี่ก็ซื้อสกินแคร์มารัวๆ และสิวก็เกิดขึ้นน้อยลงมากๆ หน้าบลิ้งขึ้นทันตา รวมถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมา
7. ออกกำลังกาย นอกจากการวิ่ง
ขอบคุณที่ปีที่แล้วได้ Apple Watch มาใช้ ปีนี้ก็กลายเป็นคน active สุดๆ ไม่ว่าจะวิ่งเดินเหินอะไร ล่า move ให้ปิดวงแบบบ้าคลั่ง
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกใจมากๆคือ รู้สึกชอบการว่ายน้ำเอามากๆ !
รวมถึงได้ workout ส่วน core body มากขึ้นด้วย
การได้ Celebrate your everyday achievements มันฟินมากจริงๆ

8. ทัศนคติการใช้ชีวิต และเพื่อน
พอเริ่มเข้า New Normal Life ก็ได้กลับมาติดต่อนัดเจอเพื่อนอีกครั้ง คราวนี้คือบุกบ้านเพื่อนและใช้ชีวิตร่วมกัน work from home ด้วยกันเลย
พอเรากลับมาได้เจอเพื่อนอีกครั้งหลังจากที่ไม่เจอมานาน มันเหมือนได้สานสัมพันธ์ และได้เห็นการเติบโต ความคิด และชีวิตของเพื่อนมากขึ้น เพราะตั้งแต่เรียนจบมา เราก็ไม่ได้ focus ที่เพื่อนมากเท่าไร ทำให้เราก็รู้สึกว่า เออ
มันมีเพื่อนในวัยเดียวกันที่พร้อมจะลุย ล้ม แล้วลุกมาเหมือนๆเรานี่แหล่ะ
และที่สุดคือเพิ่งได้มารู้ background ชีวิตเพื่อนแต่ละคน มันเปิดโลกทัศน์และมุมมองการใช้ชีวิตขึ้นอีกนิด
สรุป
ตอนแรกนึกว่าครึ่งปีแรกจะไม่มีอะไร แต่พอมานึกดูแล้ว มันเยอะมากเหมือนกันนะ
ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำหลายอย่าง ได้ accomplish goal บางอย่าง ได้สูญเสีย ได้เสียใจ ได้มีความสุขปะปนกันไป
อันที่จริงปีนี้พิเศษมากที่มี covid-19 เลยเป็นอะไรที่พลิกความคิดบางอย่าง เช่น อะไรที่มันมั่นคง จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มั่นคง, มุมมองเรื่องอนาคตตัวเองบ้าง ที่แม้จะผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็ได้เตรียมใจแต่แรกแล้ว
ทั้งนี้ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาเติมเต็มสีสันในครึ่งปีนี้ค่ะ 🙏
Leave a comment