แชร์ประสบการณ์เลี้ยงหมาต่างไซส์ ตัวเล็กและตัวใหญ่ในบ้านเดียวกัน

บทความนี้เราจะแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเลี้ยงหมา 2 ตัวต่างสายพันธุ์ ตัวหนึ่งเป็นหมาพันธุ์ใหญ่ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์(ที่นิสัยไม่เหมือนโกลเด้นทั่วไป) และอีกตัวเป็นหมาพันธุ์เล็ก ปอมเมอเรเนียน ในการอยู่ร่วมกันโดยที่เจ้าบ้านเป็นเจ้าปอมมาก่อน และวิธีแก้นิสัยไม่พึงประสงค์ที่เราได้ลองสอนเจ้าเด็กๆ

แนะนำให้รู้จักตัวละครกันก่อน

  1. ดันเต้

พันธุ์: โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อายุ 2 ปีกว่า

เพศ: เมีย

นิสัยไม่พึงประสงค์:

  • เป็นโกลเด้นที่นิสัยไม่เหมือนโกลเด้น ปกติโกลเด้นที่รู้จัก(และที่เคยเลี้ยงมาทั้งชีวิต)จะใจดีกับคนแปลกหน้ามาก แต่ดันเต้ชอบขู่เวลามีคนแปลกหน้ามาใกล้ๆ เวลาคนอยากเข้ามาเล่นด้วยถึงกับกลัว ตอนพาไปทำหมันหรือฉีดยาก็ชอบขู่หมอ จนหมอบอกว่าอย่าแฮ่ใส่หมอ !
  • ชอบกระโจนใส่เวลาเจอ และชอบให้เกามากๆจนบางครั้งมากเกินไป

2. ยากิ

พันธุ์: ปอมเมอเรเนียน อายุ 1 ปีกว่า

เพศ: ผู้

นิสัยไม่พึงประสงค์:

  • เป็นปอมปากเปราะ เห่าทุกคนที่ผ่านหน้าบ้านและเห่า messager ทุกคนไม่ว่า ไปรษณีย์, GRAB, Robinhood, และทุกขนส่ง ถ้าเปิดไมค์ประชุมอยู่ด้วย คนทางบ้านก็จะรู้ว่ายัยยากิเห่าคนหน้าบ้านอีกแล้ว
  • นอกจากนี้เวลาช่างซ่อมบ้าน ซึ่งอยู่ในขอบเขตบ้านเป็นระยะเวลาหนึ่ง เขาก็จะเห่าไล่เอาเป็นเอาตายไม่หยุดเช่นกัน

จุดเริ่มต้นของเรื่องปวดหัว

เกริ่นคือ เราย้ายเข้ามาบ้านแฟน (ว่าที่สามี) ได้สักพักแล้ว ซึ่งบ้านแฟนเลี้ยงปอมแต่เดิมอยู่แล้วคือยากิ ส่วนตัวเราเลี้ยงโกลเด้นที่บ้านตัวเองอยู่แล้วคือดันเต้ จนเมื่อเราตั้งใจละว่าอยากให้ดันเต้มาอยู่กับเราด้วย แบบกล้าๆกลัวๆ เพราะเรารู้ว่าดันเต้เขาไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้ามากๆ จึงค่อนข้างกังวล พอต้องมาอยู่ในบ้านที่มีหมาเล็กมากๆ

อีกเหตุผลคือ เราเห็นพฤติกรรมที่เขาเล่นกับหมาตัวอื่นที่เลี้ยงในบ้านอีกตัวคือบีเกิ้ล ซึ่งเป็นหมาไซส์กลาง เขาจะเล่นกันแบบงั่มหัวเลย แต่บีเกิ้ลเขาหนังเหนียวพอตัว เลยลองคิดสภาพว่าถ้าเปลี่ยนบีเกิ้ลเป็นปอม จะรอดไหมเนี้ย (ตอนนั้นปวดหัวมาก 😅)

แต่เมื่อเราตัดสินใจตั้งแต่รับเขามาแล้วว่าเราจะเลี้ยงเขาให้ดี ได้อยู่กับเราตลอด ดังนั้น เอาไงเอากันวะ !

วันแรกของการอยู่ด้วยกัน

วันนั้นก็ไปรับดันเต้ที่บ้านเรา จับอาบน้ำ/ตัดเล็บให้เรียบร้อย แล้วลองพาเข้าบ้านดู

ผลปรากฏว่ายากิเห่าตลอดเวลา เห่าไม่หยุด เห่าแบบไม่ยอมรับว่าใครจะเขาบ้านฉันไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะพาให้ดมกันเพื่อให้คุ้นชินแล้วก็ตาม ซึ่งก็แยกห้องกันอยู่ แต่ยากิเขาก็ยังเห่าอยู่ดี

เป็นรูปที่พยายามให้เขาดมทำความรู้จักคนในบ้าน ในรูปเป็นหมาอีกตัวชื่อทาโกะ แต่ไม่ใช่หมาที่อยู่ประจำในบ้านนี้ ทาโกะก็ค่อนข้างกลัวนิดนึง

ส่วนดันเต้ ค่อนข้างกระวนกระวายกับบ้านใหม่ เขาไม่เข้าหาคนในบ้านใหม่เลย เขาจะตัวติดกับแฟน ซึ่งก็คือคนที่เขารู้จักดีมาก่อนเพราะแฟนไปหาที่บ้านเราบ่อยๆ

ตอนนั้นเลยคิดว่า งั้นต้องมีกรงแล้วล่ะ เพื่อที่ว่าจะแบ่งพื้นที่ในบ้านให้มี safe zone ของดันเต้ เลยออกไปซื้อกรงเพิ่มที่ Pet Kingdom

กรงจะเป็นกรงแบบไม่มีฐานหรือเพดาน มีเพียงแต่ตัวกั้นเฉยๆ เพราะถ้าแบบมีเพดานและฐานค่อนข้างถึงทึบและแออัดมาก

เราก็จับกรงยึดกับประตูเอาไว้ แล้วลองให้ดันเต้เข้าไปในบ้านดู

รูปวันแรก ยากิเห่าไม่หยุด พยายามให้เขามาใกล้เพื่อทำความรู้จัก เขาก็ยังเห่าต่อเนื่องหลายชม.ไม่หยุด จนกระทั่งเราทนไม่ไหวเอาฝากล่องมากั้นให้ยากิหยุดเห่าบ้าง5555

ส่วนดันเต้ค่อนข้างกลัวบ้านใหม่ เราจึงต้องอยู่กับเขาใกล้ชิด เพราะเราคือคนในครอบครัวคนเดียวที่เขารู้จัก

ในวันแรก ยากิจะวิ่งเข้าหากรงเพื่อทะเลาะกับเต้ตลอดเวลา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะเห่า เขาก็จะวิ่งมาเห่าทันที บางครั้งที่ยากิเห่ามากๆ ดันเต้ก็มีเห่ากลับบ้าง จนหลังๆดันเต้ก็เลิกเห่ากลับแล้วเพราะเหนื่อย 5555

ในตอนเย็น เราพาดันเต้และยากิออกไปเดินเล่น สิ่งที่ประหลาดคือ เมื่อพาออกจากบ้านไปเดินเล่นกัน ยากิเขาจะไม่เห่าแล้ว ซึ่งไม่แปลกใจเท่าไร เพราะแต่ก่อนพาเข้าบ้านนี้ เขาเคยเดินด้วยกันแล้ว แต่ก็ยังต้องระวังการอยู่ใกล้กันอยู่ดี (เคยพายากิไปเดินในหมู่บ้านเรา ดันเต้ก็มีแอบขู่ใส่ยากิ)

จนดึกมากๆสถานการณ์จึงค่อยดีขึ้นหน่อยนึง ยากิเริ่มเห่าไม่ต่อเนื่อง ดันเต้ก็ไม่เห่ากลับแล้ว (แต่ก็ยังเห่าอยู่ดี)

มีทริคหนึ่งที่ไปเจอมาคือ พยายามแลกสิ่งของที่มีกลิ่นของกันและกันเพื่อให้เขาชินกลิ่น เราจึงเอาผ้าห่มให้ดันเต้ห่ม เพื่อให้ติดกลิ่นแล้วนำผ้าห่มนั้นไปผูกกับยากิภายหลัง และนำตุ๊กตาของยากิเอาเข้าบ้านของดันเต้เพื่อให้ดันเต้ชิน

ดันเต้ห่มผ้าสีฟ้า ห่มไปสักพักเพื่อให้กลิ่นเต้ติด สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเพราะยากิก็เริ่มเหนื่อย

ในเรื่องการให้อาหาร พอเราให้อาหารดันเต้ ยากิเขาก็ไม่ยอม เห่าขู่อีก 😅

ส่วนตอนดึกดันเต้ก็นอนในกรง และยากิก็นอนแยกไปอยู่กับคน

วันที่สอง

พอรุ่งเช้า ยากิลงมาชั้นล่างปุ๊บ เขาก็วิ่งไปหน้ากรงของดันเต้แล้วเห่าหาเรื่องทันที

วันนี้ค่อนข้างหนวกหูมาก และเป็นวันจันทร์ที่ต้องทำงาน (work from home) ยากิจะทยอยเห่าไล่ดันเต้เป็นระยะๆ

วันนี้เราตัดสินใจย้ายกรงจากตอนแรกที่อยู่หน้าบ้านมาหลังบ้าน เนื่องจากหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าการเลี้ยงหมาให้อยู่หน้าบ้านจะทำให้เขาวอกแวกและเห่าคนที่ผ่านหน้าบ้านตลอด เลยย้ายกรงมาให้ดันเต้อยู่หลังบ้านแทน ข้างๆโต๊ะทำงานเราเลย

สิ่งที่เรียนรู้คือต้องให้อาหารแยกกัน คือพยายามไม่ให้อีกตัวเห็นว่ากำลังกินข้าวอยู่เพื่อเลี่ยงการโมโหว่าใครเป็นเจ้าบ้าน

เราได้เรียนรู้จากวันนี้อีกว่า ปกติแล้วแต่ละบ้านหากมีหมามากกว่า 1 จะมีหมาที่พฤติกรรมเป็นจ่าฝูง ซึ่งจากสถานการณ์นี้แล้ว ยากิเป็นจ่าฝูงที่หวงบ้านมากๆ

วันนี้ดันเต้จึงอยู่กรงตลอด ซึ่งเราค่อนข้างเครียดนิดนึงว่ามันจะสร้างความอึดอัดให้ดันเต้ไหม เพราะเขาเป็นหมาใหญ่ที่ต้องการพื้นที่วิ่งเล่น ไปๆมาๆคนเครียดกว่าหมาอีกมั้ง

ยากิเฝ้าหน้ากรง

วันที่ 3, 4, 5

สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ในตอนเช้ายากิเริ่มไม่หาเรื่องเห่าทักทายดันเต้แล้ว เขาเพียงแต่ไปยืนหน้ากรงเฉยๆ เราก็พาเจ้า 2 ตัวคุ้นชินด้วยการเดินเล่นด้วยกันบ่อยๆ

ความโชคดีคือดันเต้ไม่ฉี่หรือถ่ายในบ้านเลย เขาเป็นหมาที่ฉลาดมากๆ ดังนั้นเมื่อเราเปิดประตูปล่อยเขาออกไป จะมีบ้างที่ยากิเห่าไม่พอใจ เหมือนว่าไม่ยอมที่ดันเต้ได้วิ่งเล่นในอาณาเขตเขา

ส่วนเรื่องการอยู่ ดันเต้ยังคงอยู่ในกรงตลอด จะมีบ้างที่พาออกมาเพราะต้องพาไปข้างนอกตัวบ้าน (ยังอยู่ในรั้วบ้าน) ระหว่างที่จูงออก ก็มีได้ลองให้ทั้งสองตัวเจอหน้ากันแบบไม่ผ่านกรงบ้าง คือมีคนจูงดันเต้และมีคนจูงยากิไว้ แล้วให้เขาดมกันและกัน ซึ่งทำแบบนี้ได้ไม่นาน เพราะยากิจะเริ่มกัดดันเต้ และดันเต้จะเริ่มโมโหและกัดคืน

จะมีบ้างที่ยากิเอาหน้าสอดไปดูดันเต้แบบไม่เห่าแล้ว

ตัดสินใจเข้าไปปรึกษาหมอพฤติกรรมสัตว์

ตั้งแต่วันแรกๆที่พาดันเต้เข้ามา เรากับแฟนคุยกันว่าเราอยากทำให้เจ้า 2 ตัวนี้อยู่ด้วยกันได้ เลยหาข้อมูลไปเรื่อยๆก็มีตัวเลือกโผล่ขึ้นมามากมาย เช่น

  • จ้างครูมาฝึกที่บ้าน ซึ่งราคาแรงมาก และราคานี้ไม่รวมค่าเดินทางมาอีก
  • พาไปหาหมอพฤติกรรมสัตว์ ซึ่งเจออยู่ 2 ที่ แต่ได้ที่รพ.สัตว์ทองหล่อมาเนื่องจากสะดวกไปหาในวันเสาร์ ซึ่งกว่าจะได้คิวก็รอไปประมาณ 1–2 สัปดาห์

เราก็เดินทางไปพบหมอพร้อมพาเจ้าเด็กๆไปด้วย ตอน 11.00 น. รพ.สัตว์ทองหล่อใหญ่มากๆ มาถึงก็วัดน้ำหนักและเขาก็พาขึ้นไปชั้นสองเพื่อพบคุณหมอ

เมื่อพบคุณหมอเรากับแฟนก็เล่าเหตุการณ์เรื่องที่พาเจ้า 2 ตัวมาอยู่ด้วยกัน และนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ที่อยากแก้ให้เจ้าสองตัว

ปรึกษาประมาณชม.กว่าๆ จนสรุปมาได้ประมาณนี้:

เรื่องที่ยากิเห่าไม่พอใจเมื่อดันเต้อยู่ในบ้าน

สาเหตุ

ยากิหวงอาณาเขตมากๆ ทั้งระยะในบ้านและสวนหน้าบ้าน นั่นเพราะพอเขาออกมาเดินกับดันเต้ข้างนอก เขาสามารถเดินได้ปกติ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบดันเต้ เพราะถ้าไม่ชอบก็คงกัดกันนอกบ้านไปแล้ว แม้แต่อยู่ในรถ ยากิก็จะเห่าเวลารปภ.เวลาเปิดกระจกรถแลกบัตร หรือคนขายพวงมาลัย ซึ่งรถก็ถือว่าเป็นอาณาเขตของเขา

วิธีแก้และฝึก

หมอบอกว่าการฝึกแบบให้คนช่วยจูงคนละตัว แล้วค่อยๆให้เขาทำความรู้จักกันนอกกรงเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องอยู่แล้ว เพื่อให้เขาคุ้นชินกัน เมื่อเขามีท่าทีต่อกันว่าไม่เห่า ไม่กัด ก็รีบให้รางวัลอย่างรีบชมหรือให้ขนม หรือไม่ก็ หากยากิเดินไปดูดันเต้แล้วไม่มีท่าทีจะขู่ ก็ให้รางวัลเขาเลย เพื่อให้เขารู้ว่าอยู่ใกล้ๆดันเต้แล้วจะได้รางวัล เพิ่มความ positive ให้กับเขา

เรื่องที่ดันเต้ไม่ชอบคนแปลกหน้า

สาเหตุ

จริงๆมีหลายสาเหตุมาก หมาบางตัวไม่ชอบการแต่งกาย คนในเครื่องแบบ คนใส่แมส หรือคนใส่หมวกกันน็อคก็ได้ เพราะตอนไปหาหมอ ดันเต้ก็ไม่มีท่าทีจะขู่หมอแต่ให้หมอเกาหัวให้ และหมอก็เล่าเพิ่มว่า

ลูกหมาตั้งแต่ระยะ 2–3 เดือนจนถึง 6 เดือน(จำตัวเลขไม่แม่น แต่น่าจะประมาณนี้) ควรได้เจอคนแปลกหน้า หรือหมาตัวอื่นๆ เพื่อสร้างความเคยชิน แล้วเมื่อโตมา เขาจะไม่กลัวหรือเห่าคนแปลกหน้าเยอะ

อันที่จริงๆพอมองย้อนไป ดันเต้ก็ไม่ค่อยเจอคนแปลกหน้าเท่าไร พาออกไปเดินแต่เดินเลี่ยงคนและหมาตัวอื่น และส่วนยากิเองก็เกิดและโตมาในช่วงที่โควิดกลับมาระบาดหนักมากๆ (ช่วงที่คนติดเป็นหมื่นคนและวัคซีนยังไม่ค่อยมี) เลยแทบไม่ได้พาออกไปเลย

เรื่องอื่นๆที่หมอแนะนำ

  • ทั้งนี้หมอยังเห็นว่าระหว่างที่คุยอยู่ ดันเต้ชอบเรียกร้องความสนใจให้เกาหัวเขาตลอด หมอก็สอนว่าเราต้อง ignore เขา อาจจะกอดอก หรือไม่มองตา แล้วเขาก็หยุดเอง ซึ่งปรากฏว่าเขาก็หยุดเองเดี๋ยวนั้นเลย
  • สำหรับหมาบางตัว แค่การที่สบตา คือการให้รางวัลเขาแล้ว แม้จะไม่ให้ขนมก็ตาม
  • หมอยังบอกว่าดันเต้เป็นพันธุ์หมาที่ฉลาดด้วยตัวมันอยู่แล้ว สอนไม่กี่ครั้งก็เข้าใจ ซึ่งเป็นเรื่องจริง เราสอนให้ดันเต้ให้รอกินข้าวและขอมือง่ายมาก
  • วิธีลดการกระโจนของดันเต้ คือการ ignore เขาเหมือนกัน เพราะเขาแสดงออกว่ารักแต่ไม่รู้ว่าการกระโจนมันเป็นสิ่งไม่ดี ดังนั้นวิธีแก้คือการเลี่ยง ignore เขา หรือเดินหนีไปเลย เมื่อเขามีท่าทีกระโจนขึ้นมา
  • ต้องไม่ให้ขนมพร่ำเพรื่อ ซึ่งเราก็มาถูกทางแล้วเช่นกัน เพราะจะทำให้ฝึกยาก ไม่งั้นเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งไหนทำแล้วได้รางวัล

หลังจากนั้นหมอก็ขอ contact ผ่าน Line โดยที่สามารถปรึกษาหมอผ่านไลน์แบบ ongoing ต่อไปได้ โดยถ่ายคลิป video ให้หมอดู และ catch up ดูพฤติกรรมเด็กๆหลังจากวันปรึกษา

ค่าใช้จ่าย: ตัวละ 2000+

ความเห็นส่วนตัว: เรามองว่ามันคุ้มค่า เพราะหากเราเข้าใจพฤติกรรมของเขาว่าทำไมเขา behave แบบนั้น เราจะได้เลือกการสอนที่ถูกต้องและเหมาะกับเขา เพราะอันที่จริงหมาแต่ละตัว เบื้องต้นพันธุ์ของเขาก็จะมีลักษณะนิสัยที่รู้ประมาณหนึ่ง แต่ความจริงหมาแต่ละตัวก็จะมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน

กลับมาฝึกที่บ้าน

จากนั้นเมื่อเรากลับบ้านมา ทุกครั้งที่ยากิเข้าใกล้กรงที่ดันเต้อยู่ ก็จะชมเขา ให้ขนมเขาทันที และทุกครั้งที่จะนำดันเต้ออกจากบ้านก็จะฝึกด้วยการจูงเจ้าสองตัว โดยใช้สองคนจูงคนละตัว แล้วพยายามให้เขากระเถิบๆเข้าใกล้กันเรื่อยๆ แล้วรีบให้ขนมยากิทันที

และถ้าหากเขาเริ่มขู่กัน ต้องรีบจับแยกออกทีนที เพราะถ้าเขากัดกันแล้วจะยิ่งสร้างความทรงจำไม่ดีให้อีกตัว

เราก็ฝึกแบบนี้ไปหลายวันทีเดียว

ให้ขนมยากิ เมื่อเจอดันเต้ เพื่อให้ยากิรู้สึก positive เมื่อเจอกัน

วันปลดล็อค

ผ่านมาประมาณครึ่งเดือน หมอเริ่มให้ทดลองลองแยกคนออกจากห้องดู เพื่อที่ว่าจะดูท่าทีของเขาหากไม่มีคนอยู่ เพราะเป็นไปได้ว่าเวลาคนจูงเขาจะหวงคนด้วย เลยต้องปัจจัยคนออก

ปรากฏว่า 2 ตัว ไม่เห่าใส่กันเลย ทำหน้างงๆใส่กันแล้วมองว่ามนุษย์อยู่ไหน5555

หลังจากนั้นเราเลยทดลองล่ามดันเต้ไว้กับรั้ว แล้วลองจูงยากิเข้าไป ยากิก็ดมๆ พอดันเต้ไม่มีท่าทีจะขู่กลับ ก็ตัดสินใจปล่อยเชือกยากิ

ปรากฏว่า เขาอยู่ด้วยกันได้ !

เริ่มจูงเฉพาะยากิตัวเดียว แล้วเริ่มปล่อยสาย หลังจากนั้นก็ปล่อยยากิฟรีเลย

ภาพความสำเร็จ

ปัจจุบัน สามารถปล่อยดันเต้เดินรอบบ้านโดยที่ไม่ต้องยากิไม่เห่าได้แล้ว

สรุปปัจจุบัน

  • โดยรวมปัจจุบันอยู่ด้วยกันได้แบบปล่อยฟรี โดยไม่มีสายจูงได้แล้ว
  • นิสัยของดันเต้เวลาเล่นกับยากิ ไม่รุนแรงอย่างที่คิดไว้ บางครั้งก็สามารถเล่นของเล่นชิ้นเดียวกันได้ด้วย เช่นดันเต้คาบตุ๊กตาไว้ในปากแล้วยากิก็แง้บๆๆ เล่นด้วย
  • ปัจจุบันยังต้องแยกกันกินข้าว และระวังเรื่องของเล่นบางชิ้นที่ทั้ง 2 ตัวชอบ ซึ่งเขากัดกันรุนแรงเลย ต้องคอยดูดีๆ
  • ช่วงแรกๆที่ปล่อย เขาจะมีหวงคนบ้าง แต่หลังๆก็เริ่มเฉยๆกันแล้ว
  • ยากิยังแอบขู่และแว้งกัดดันเต้บ้าง แต่ดันเต้กลับใจดีใส่ไม่กัดตอบ หรือจริงๆที่กัดไปไม่เข้าหนังเต้ก็ไม่รู้..
ลาไปด้วยรูปที่ยากิเล่นกัดหูดันเต้ แต่ดันเต้ไม่โกรธ ไม่ถือสา

Comment and Feedback

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.